มารู้จักตัวเอง หรือมองคนอื่นให้ออกดีกว่า เพราะจริง ๆ ภาพของคนที่ทำงานอย่างแข็งขันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนมั่นใจในตัวเอง อาจเป็นแค่การสร้างภาพปิดทับความทุกข์กังวลของตัวเองก็ได้ คนขาดความมั่นใจหรือไม่รักตัวเอง สังเกตได้ตามนิสัยต่อไปนี้
- ปิดบังตัวตนไว้ภายใน เป็นประเภทแสดงออกว่าตนเองมีความมั่นใจในตนเอง ประสบความสำเร็จ แต่จริง ๆ กลัวมากว่าสักวันตัวตนที่แท้จริงของตนจะมีคนรู้ คนประเภทนี้มักติดอยู่กับความคิดสมบูรณ์แบบ การแข่งขันแก่งแย่ง และกลัวการสูญเสีย
- ต่อต้านผู้อื่น เป็นประเภทไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่น มักขัดแย้งกับผู้บริหารหรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ แต่จริง ๆ แล้วทำเพราะรู้สึกโกรธตนเองที่ทำอย่าง ไรก็รู้สึกไม่พอ ไม่มีความสุข
- คิดว่าเป็นผู้แพ้เสมอ เอาความทุกข์หรือความลำบากของตนมาเป็นเกราะ หรือข้ออ้างสำหรับตนเอง คนประเภทนี้มักพึ่งพาแต่ผู้อื่น และมักจะทำสิ่งต่าง ๆ ได้ต่ำกว่าที่คาดหวังไว้เรื่อยไป
- คิดแบบเหมารวม หากเคยผิดพลาดหรือล้มเหลวครั้งหนึ่งแล้ว ก็คิดว่าครั้งต่อ ๆ ไปก็จะพลาดไปตลอด
- ประเมินมาตรฐานตนเองต่ำเกินไป แทนที่จะพูดถึงคุณสมบัติด้านดีที่แท้จริงของตน ก็ยกข้อเสียมาอ้าง บั่นทอนภาพลักษณ์ตนเองเสียหมด
- คิดแบบสุดโต่ง คนประเภทนี้คิดอยู่เพียงสองด้าน นั่นคือ ถ้าไม่ดีสมบูรณ์ พร้อม ก็ไร้ค่าไม่เคยมีความคิดแบบทางสายกลาง
- โทษแต่ตัวเอง มักกล่าวโทษตัวเองสม่ำเสมอ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของตนเอง
- ช่างเปรียบเทียบ มักเอาข้อด้อยตนเองไปเปรียบเทียบกับข้อดีของคนอื่น ๆ เป็นประจำ ทำให้ตนรู้สึกแย่มากขึ้น
- คิดไปเองคนเดียว ชอบสรุปว่าคนนั้น คนนี้ไม่สนใจ โกรธ เกลียดตนเอง ฯลฯ ซึ่งไม่มีมูลจริงเท็จว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะคิดแบบนี้ หรือคาดหวังว่าทุกสิ่งที่ทำจะเป็นไปอย่างที่คิดทุกประการ
- แบกทุกอย่างไว้บนบ่า รู้สึกว่าตนเองต้องรับผิดชอบ จัดการทุกอย่าง แม้ว่าจะเป็นเรื่องสุดวิสัย ไม่สามารถควบคุมได้ ก็จะรู้สึกว่าตนเองโดนลงโทษ โดนแกล้ง
ถ้าพบว่ามีนิสัยตามที่กล่าวมาข้างต้น อย่าคาดหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงนิสัยเหล่านี้ได้ในข้ามวัน มาค่อย ๆ ช่วยกันสร้างความคิดดี ๆ ให้แก่ตัวเองดีกว่า
1. อย่าเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น หลักการง่าย ๆ แต่หลายคนก็ยังทำใจแข็งไม่ได้เสียที วิธีแก้คือ ต้องทำใจยอมรับตัวตนของเราที่ไม่อาจเปลี่ยน แปลงได้ เช่น สีผิว รูปร่าง ฯลฯ ทุกคนเกิดมาย่อมแตกต่างกัน ดังนั้นจงรักตนเอง ภูมิใจในสิ่งที่เราเป็นดีที่สุด
2. จงเปรียบกับคนที่ด้อยกว่า สำหรับคนที่กำลังท้อแท้ คิดว่าตนเองแย่ที่สุดแล้ว ให้หันมามองผู้ที่ลำบากกว่า หรือจะลองเป็นอาสาสมัครไปเยี่ยมผู้ยากไร้ขาดโอกาสดูบ้างก็ได้ เพราะการทำเช่นนี้นอกจากจะสร้างกำลังใจให้ตนเองต่อสู้กับความยากลำบากแล้ว ยังได้บุญกุศลอีกด้วย
3. ไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก ไม่ควรคิดว่าไม่มีใครเข้าใจปัญหาของเรา หรือไม่มีใครสนใจ อันที่จริงหากเรามองไปรอบด้าน ก็จะเห็นว่าหลายคนยินดีที่จะช่วยเหลือเรา เพียงแต่ว่าเราไม่ได้เอ่ยปากขอร้องเท่านั้นเอง แน่นอนว่าหากเราตกที่นั่งลำบาก และสิ่งที่ขอให้ช่วยก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงนัก เชื่อว่ามีคนเต็มใจช่วยแน่นอนค่ะ
4. พูดคุยกับเพื่อน เมื่อไรที่มีปัญหาหนักใจ อย่าลังเลที่จะปรึกษาเพื่อนสนิท หรือว่าหากเกิดขัดใจกันขึ้นมา อย่าลังเลที่จะเปิดอกพูดคุยกัน อย่าปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นปัญหาคาใจ
5. ปรึกษานักบำบัด หากพบว่าตนพยายามแก้ไขวิธีคิดแล้ว แต่ไม่สำเร็จสักที ให้นัดเวลาพูดคุยกับนักบำบัด หรือจิตแพทย์ก็ได้ ไม่ต้องกลัวหรืออายว่าคนอื่นจะหาว่าบ้า เพราะหากปล่อยให้กังวลใจอยู่เช่นนี้ สุขภาพจิตเสียแน่นอน
6. ให้รางวัลตนเอง หลังจากที่ผ่านงานยาก ๆ หรืออุปสรรคหนัก ๆ เช่น ไปท่องเที่ยวพักผ่อน นัดสังสรรค์กับเพื่อนรู้ใจ
7. เก็บความภูมิใจลงในบันทึก ให้จดบันทึกข้อดี ลักษณะเด่น ความสามารถ พิเศษ หรือความสำเร็จที่ตนเองภาคภูมิใจลงบนไดอารี่ หรือสมุดจด อาจทำเครื่อง หมายเน้นผลงานที่ทำสำเร็จ เพราะเมื่อไรที่หยิบมาอ่านจะได้ชื่นใจ เกิดความภูมิใจในความสามารถของตนเอง หรืออาจใช้วิธีประเมินตนเองอย่างยุติธรรม โดยจดสิ่งที่ตนทำสำเร็จในแต่ละวัน แล้วประเมินอาทิตย์ละครั้ง เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตนเอง
8. เสริมจุดเด่นลดจุดด้อย อย่าลังเลที่จะเรียน หรือทำกิจกรรมที่ตนเองชอบ ไม่แน่คุณอาจจะมีพรสวรรค์บางอย่างซ่อนอยู่แบบไม่รู้ตัวมาก่อนก็ได้
9. พยายามทำกิจกรรมที่ตนชื่นชอบ ไม่ต้องกังวลว่าต้องไปตามลำพัง ตราบใดที่ยังชอบและมีความสุขกับกิจกรรมนั้น ๆ เช่น ไปเรียนวาดรูป เรียนภาษาต่างประเทศ ฯลฯ นอกจากจะทำให้จิตใจแจ่มใส ยังอาจจะได้รู้จักเพื่อนใหม่ เจอคนหลากหลายมากขึ้น
10. อย่าโทษตัวเองไปเสียทุกเรื่อง ปรับวิธีคิดให้มีเหตุและผลมากขึ้นกว่าเดิม
11. เผชิญหน้ากับการว่ากล่าว การว่ากล่าวนับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องพบเจอ แต่สำหรับคนที่ขาดความมั่นใจจะเกิดอาการสะเทือนใจมากกว่าคนอื่น เพื่อจะลบความรู้สึกนี้ก่อนอื่นต้องพิจารณาวัตถุประสงค์ของการว่ากล่าว เช่น ติเพื่อก่อ หรืออคติ หากเข้าข่ายประเด็นหลัง อย่าเก็บมาใส่ใจ เพราะจะยิ่งบั่นทอนความมั่นใจให้ลดน้อยลงไปอีก แต่หากเป็นเหตุผลแรก ให้ยิ้มสู้ รับฟังและกล่าวขอบคุณ นำคำตินั้นมาปรับปรุงพัฒนาตนเอง
12. ดูแลสุขภาพตนเอง พยายามออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารที่มีประโยชน์ รักษาความสะอาด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ วิธีดูแลตนเองเช่นนี้นอกจากจะให้บุคลิกภาพดูดีขึ้นแล้ว ยังทำให้จิตใจแจ่มใสอีกด้วย ไม่ให้จิตใจจดจ่อ หมกมุ่นอยู่กับข้อด้อยของตนเองมากไป
อ้างอิงโดย http://www.vcharkarn.com/vblog/39527
KTC Profile
Address : 37/8 M.3 Phahonyothin-Lamlukka Rd.
T.Lardsawai A.Lamlukka Pathum thani 12150
Tel. (662) 9945418 / 9986377 Fax. (662) 9986376
E-mail; ktctestingcenter@gmail.com
T.Lardsawai A.Lamlukka Pathum thani 12150
Tel. (662) 9945418 / 9986377 Fax. (662) 9986376
E-mail; ktctestingcenter@gmail.com
My memory
วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2554
International crane signal chart (มาตรฐานการให้สัญญาณเครน)
International crane signal chart
(มาตรฐานการให้สัญญาณเครน)
IMPORTANT : สำคัญมากสำหรับงานยกชิ้นงาน
1. สัญญาณสั่งให้ใช้รอกใหญ่ (Use main hoist)
กำมือข้างใดข้างหนึ่งยกขึ้นเหนือศีรษะ
แล้วเคาะเบาๆ บนหมวกนิรภัยของตนเอง
ต่อเนื่องหลายๆครั้ง
2. สัญญาณสั่งให้ใช้รอกช่วย (Use single rope / Whip line / Auxiliary hoist)
งอข้อศอกข้างใดข้างหนึ่งขึ้น กำมือระดับไหล่
ยื่นไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่ง
แตะที่ข้อศอก จากนั้นใช้สัญญาณอื่นๆ ที่ต้องการ
3. สัญญาณสั่งให้ยกชิ้นงานขึ้นช้าๆ (Slowly raise load / Slowly hoist)
ยกแขนข้างใดข้างหนึ่งขึ้น แล้วคว่ำฝ่ามือให้ได้ระดับคาง
โดยยื่นออกจากลำตัวพอประมาณ แล้วใช้นิ้วชี้ของมือ
อีกข้างหนึ่งชี้ตรงกลางฝ่ามือและหมุนช้าๆ
4. สัญญาณสั่งให้ยกชิ้นงานขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือขึ้นสลิงเบา (Raise load)
ให้งอข้อศอกด้านใดด้านหนึ่งขึ้น ใช้นิ้วชี้ ชี้ขึ้น
แล้วหมุนเป็นวงกลมอย่างต่อเนื่อง
5. สัญญาณสั่งให้ยกชิ้นงานลงอย่างต่อเนื่องหรือลงสลิงเบา (Lower load )
กางแขนข้างใดข้างหนึ่งออกเล็กน้อย
ใช้นิ้วชี้ ชี้ลงพื้นแล้วหมุนเป็นวงกลม
6. สัญญาณสั่งให้ลดแขนเครนลง (Lower boom)
เหยียดแขนข้างใดข้างหนึ่งออกสุดแขน
แล้วกำมือชี้หัวแม่มือลงแล้วยกแขน
ขึ้น – ลงเป็นจังหวะ อย่างต่อเนื่อง
7. สัญญาณสั่งให้ยกระดับแขนเครนขึ้น (Raise boom)
เหยียดแขนข้างใดข้างหนึ่งออกสุดแขน
แล้วกำมือยกหัวแม่มือขึ้นแล้วยกแขน
ขึ้น – ลงเป็นจังหวะ อย่างต่อเนื่อง
8. สัญญาณสั่งให้ยกแขนเครนขึ้น / ลดสลิงลง
(Raise boom and lower load)
9.สัญญาณสั่งให้เครนลดระดับบูมลง สลิงเลื่อนขึ้น
(Lower boom and raise load)
10. สัญญาณสั่งให้เครนถอดก้านบูมออก (Extend boom)
11.สัญญาณสั่งให้เครนเก็บก้านบูมเข้า (Retract boom)
12.สัญญาณสั่งให้เครนถอดก้านบูมออก ด้วยมือเดียว
ใช้หัวแม่โป้งชี้เข้าหาตัวเอง ส่วนมือที่เหลือให้ควบคุมเชือกเอาไว้
(Extend boom by one hand.Another your hand kept hold on tag-line)
13.สัญญาณสั่งให้เครนเก็บก้านบูมออก ด้วยมือเดียว
ใช้หัวแม่โป้งชี้ออกจากตัวเอง ส่วนมือที่เหลือให้ควบคุมเชือกเอาไว้
(Retract boom by one hand.Another your hand kept hold on tag-line)
14.สัญญาณสั่งให้เครนทำการล็อคสลิง (Doging anything)
15. สัญญาณสั่งให้เครนทำการเคลื่อนที่เครนล้อแทรค (Traveling tract)
16.สัญญาณสั่งให้เครนสวิงบูมไปตามทิศทางที่ต้องการ (Swing boom)
17. สัญญาณสั่งให้เครนหยุดเบรคกิ้งหรือหยุดชั่วขณะ (Stop breaking)
18. สัญญาณสั่งให้เครนหยุดการทำงานอย่างฉุกเฉิน
หรือสิ้นสุดการปฏิบัติงาน (Emergency stop)
For more information
http://www.maxboom.com/Members_Only/handsignals.html
http://www.craneblogger.com/crane-resource-library/crane-hand-signals/
http://www.ccohs.ca/oshanswers/safety_haz/materials_handling/signals.html
(มาตรฐานการให้สัญญาณเครน)
IMPORTANT : สำคัญมากสำหรับงานยกชิ้นงาน
กำมือข้างใดข้างหนึ่งยกขึ้นเหนือศีรษะ
แล้วเคาะเบาๆ บนหมวกนิรภัยของตนเอง
ต่อเนื่องหลายๆครั้ง
2. สัญญาณสั่งให้ใช้รอกช่วย (Use single rope / Whip line / Auxiliary hoist)
งอข้อศอกข้างใดข้างหนึ่งขึ้น กำมือระดับไหล่
ยื่นไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่ง
แตะที่ข้อศอก จากนั้นใช้สัญญาณอื่นๆ ที่ต้องการ
3. สัญญาณสั่งให้ยกชิ้นงานขึ้นช้าๆ (Slowly raise load / Slowly hoist)
ยกแขนข้างใดข้างหนึ่งขึ้น แล้วคว่ำฝ่ามือให้ได้ระดับคาง
โดยยื่นออกจากลำตัวพอประมาณ แล้วใช้นิ้วชี้ของมือ
อีกข้างหนึ่งชี้ตรงกลางฝ่ามือและหมุนช้าๆ
4. สัญญาณสั่งให้ยกชิ้นงานขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือขึ้นสลิงเบา (Raise load)
ให้งอข้อศอกด้านใดด้านหนึ่งขึ้น ใช้นิ้วชี้ ชี้ขึ้น
แล้วหมุนเป็นวงกลมอย่างต่อเนื่อง
5. สัญญาณสั่งให้ยกชิ้นงานลงอย่างต่อเนื่องหรือลงสลิงเบา (Lower load )
กางแขนข้างใดข้างหนึ่งออกเล็กน้อย
ใช้นิ้วชี้ ชี้ลงพื้นแล้วหมุนเป็นวงกลม
6. สัญญาณสั่งให้ลดแขนเครนลง (Lower boom)
เหยียดแขนข้างใดข้างหนึ่งออกสุดแขน
แล้วกำมือชี้หัวแม่มือลงแล้วยกแขน
ขึ้น – ลงเป็นจังหวะ อย่างต่อเนื่อง
7. สัญญาณสั่งให้ยกระดับแขนเครนขึ้น (Raise boom)
เหยียดแขนข้างใดข้างหนึ่งออกสุดแขน
แล้วกำมือยกหัวแม่มือขึ้นแล้วยกแขน
ขึ้น – ลงเป็นจังหวะ อย่างต่อเนื่อง
8. สัญญาณสั่งให้ยกแขนเครนขึ้น / ลดสลิงลง
(Raise boom and lower load)
9.สัญญาณสั่งให้เครนลดระดับบูมลง สลิงเลื่อนขึ้น
(Lower boom and raise load)
10. สัญญาณสั่งให้เครนถอดก้านบูมออก (Extend boom)
11.สัญญาณสั่งให้เครนเก็บก้านบูมเข้า (Retract boom)
12.สัญญาณสั่งให้เครนถอดก้านบูมออก ด้วยมือเดียว
ใช้หัวแม่โป้งชี้เข้าหาตัวเอง ส่วนมือที่เหลือให้ควบคุมเชือกเอาไว้
(Extend boom by one hand.Another your hand kept hold on tag-line)
13.สัญญาณสั่งให้เครนเก็บก้านบูมออก ด้วยมือเดียว
ใช้หัวแม่โป้งชี้ออกจากตัวเอง ส่วนมือที่เหลือให้ควบคุมเชือกเอาไว้
(Retract boom by one hand.Another your hand kept hold on tag-line)
14.สัญญาณสั่งให้เครนทำการล็อคสลิง (Doging anything)
15. สัญญาณสั่งให้เครนทำการเคลื่อนที่เครนล้อแทรค (Traveling tract)
16.สัญญาณสั่งให้เครนสวิงบูมไปตามทิศทางที่ต้องการ (Swing boom)
17. สัญญาณสั่งให้เครนหยุดเบรคกิ้งหรือหยุดชั่วขณะ (Stop breaking)
18. สัญญาณสั่งให้เครนหยุดการทำงานอย่างฉุกเฉิน
หรือสิ้นสุดการปฏิบัติงาน (Emergency stop)
For more information
http://www.maxboom.com/Members_Only/handsignals.html
http://www.craneblogger.com/crane-resource-library/crane-hand-signals/
http://www.ccohs.ca/oshanswers/safety_haz/materials_handling/signals.html
ป้ายกำกับ:
สัญญาณเครน
วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554
ประเภทของปูนซีเมนต์
ปูนซีเมนต์ที่ผลิตในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะผลิตตามมาตรฐานของ อเมริกา(ASTM C. 150)
และของอังกฤษ(British Standard ; B.S.) ซึ่งตามมาตรฐาน มอก. 15 ของไทย
ได้แบ่งปูนซีเมนต์ออกเป็น 5 ประเภท คือ
1. ประเภท 1 (Normal Portland Cement) เป็นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ธรรมดา
เหมาะกับงานก่อสร้างคอนกรีตทั่วๆไป ที่ไม่ต้องการคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติม
เช่น คาน เสา พื้น ถนน ค.ส.ล. เป็นต้น แต่ไม่เหมาะกับงานที่ต้องสัมผัสกับเกลือซัลเฟต
ผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ประเภทนี้ที่มีจำหน่ายได้แก่ ตราช้าง เพชร(เม็ดเดียว)
พญานาคเขียว TPI(แดง) ภูเขา และดาวเทียม
2. ประเภท 2 (Modified Portland Cement) เป็นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์
ดัดแปลงเพื่อให้สามารถต้านทานเกลือซัลเฟตได้ปานกลาง
และจะเกิดความร้อนปานกลางในช่วงหล่อ เหมาะกับงานโครงสร้างขนาดใหญ่
เช่น ตอม่อ สะพาน ท่าเทียบเรือ เขื่อน เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ประเภทนี้ที่เคยมีจำหน่าย
ได้แก่ ตราพญานาคเจ็ดเศียร (ปัจจุบันเลิกผลิตแล้ว)
3. ประเภท 3 (High-early Strength Portland Cement)
เป็นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ที่สามารถให้กำลังได้รวดเร็วในเวลาอันสั้น
หลังจากเทแล้วสามารถใช้งานได้ภายใน 3-7 วัน เหมาะกับงานที่เร่งด่วน
เช่น คอนกรีตอัดแรง เสาเข็ม พื้นถนนที่จราจรคับคั่ง เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ประเภทนี้ที่มีจำหน่าย
ได้แก่ ตราเอราวัณ สามเพชร TPI(ดำ) และพญานาคแดง
4. ประเภท 4 (Low-heat Portland Cement) เป็นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์
ชนิดพิเศษที่มีอัตราความร้อนต่ำกำลังของคอนกรีตจะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
ซึ่งส่งผลดีทำให้การขยายตัวน้อยช่วยลดการแตกร้าว
เหมาะกับงานสร้างเขื่อนขนาดใหญ่
ปูนซีเมนต์ประเภทนี้ในประเทศไทยยังไม่มีการผลิตจำหน่าย
5. ประเภท 5 (Sulfate-resistant Portland Cement)
เป็นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ที่ทนต่อเกลือซัลเฟตได้สูงเหมาะกับงานก่อสร้างบริเวณดินเค็ม
หรือใกล้กับทะเล ผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ประเภทนี้ที่มีจำหน่าย
ได้แก่ ตราปลาฉลาม TPI(ฟ้า) และตราช้างฟ้า(ปัจจุบันเลิกผลิตแล้ว)
นอกจากปูนซีเมนต์ทั้ง 5 ประเภทแล้ว ยังมีปูนซีเมนต์ที่ผลิตขึ้นมา
โดยดัดแปลงเพื่อให้เหมาะกับงาน และราคาถูกลง
ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไปได้แก่
- ปูนซีเมนต์ผสม(Mixed Cement)
เป็นการนำปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1
ผสมกับทรายหรือหินบดละเอียด ประมาณ 25-30% ซึ่งทำให้ง่ายต่อการใช้งาน
ลดการแตกร้าว เหมาะกับงานก่ออิฐ ฉาบปูน
ผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ประเภทนี้ที่มีจำหน่ายได้แก่
ตราเสือ งูเห่า นกอินทรีย์ TPI(เขียว)
- ปูนซีเมนต์ขาว(White Portland Cement)
เป็นปูนซีเมนต์ที่มีส่วนผสมหลัก
คือ หินปูนและวัตถุดิบอื่นๆที่มีปริมาณของแร่เหล็กน้อยกว่า 1%
ลักษณะของผงสีปูนที่ได้จะเป็นสีขาว
สามารถผสมกับสีฝุ่นเพื่อทำให้เป็นปูนซีเมนต์สีต่างๆ ตามต้องการ
จึงนิยมใช้ในงานตกแต่งต่าง ๆ เพื่อความสวยงาม
ปูนซีเมนต์ประเภทนี้ที่ผลิตในประเทศไทย
ได้แก่ ตราช้างเผือก ตราเสือเผือกและ ตรามังกร
จากการทดสอบเปรียบเทียบหากำลังอัดของปูนซีเมนต์ ทั้ง 5 ประเภท
ในสภาพปัจจัยเดียวกัน ที่อายุคอนกรีต 1 , 7 , 28 และ90 วัน
ตามลำดับโดยกำหนดให้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1 เป็นตัวเปรียบเทียบที่ 100 %
ผลที่ได้ดังตาราง
เปรียบเทียบกำลังอัดของปูนซีเมนต์ ทั้ง 5 ประเภท
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ กำลังอัดเป็นเปอร์เซ็นเมื่อเทียบกับประเภท 1
..........................................................................................................................................
1 วัน 7 วัน 28 วัน 90 วัน
.........................................................................................................................................
ประเภท 1 100 100 100 100
.........................................................................................................................................
ประเภท 2 75 85 90 100
.........................................................................................................................................
ประเภท 3 190 120 110 100
.........................................................................................................................................
ประเภท 4 55 55 75 100
.........................................................................................................................................
ประเภท 5 65 75 85 100
.........................................................................................................................................
For more information
http://www.aboutcement.blogspot.com/
และของอังกฤษ(British Standard ; B.S.) ซึ่งตามมาตรฐาน มอก. 15 ของไทย
ได้แบ่งปูนซีเมนต์ออกเป็น 5 ประเภท คือ
1. ประเภท 1 (Normal Portland Cement) เป็นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ธรรมดา
เหมาะกับงานก่อสร้างคอนกรีตทั่วๆไป ที่ไม่ต้องการคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติม
เช่น คาน เสา พื้น ถนน ค.ส.ล. เป็นต้น แต่ไม่เหมาะกับงานที่ต้องสัมผัสกับเกลือซัลเฟต
ผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ประเภทนี้ที่มีจำหน่ายได้แก่ ตราช้าง เพชร(เม็ดเดียว)
พญานาคเขียว TPI(แดง) ภูเขา และดาวเทียม
2. ประเภท 2 (Modified Portland Cement) เป็นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์
ดัดแปลงเพื่อให้สามารถต้านทานเกลือซัลเฟตได้ปานกลาง
และจะเกิดความร้อนปานกลางในช่วงหล่อ เหมาะกับงานโครงสร้างขนาดใหญ่
เช่น ตอม่อ สะพาน ท่าเทียบเรือ เขื่อน เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ประเภทนี้ที่เคยมีจำหน่าย
ได้แก่ ตราพญานาคเจ็ดเศียร (ปัจจุบันเลิกผลิตแล้ว)
3. ประเภท 3 (High-early Strength Portland Cement)
เป็นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ที่สามารถให้กำลังได้รวดเร็วในเวลาอันสั้น
หลังจากเทแล้วสามารถใช้งานได้ภายใน 3-7 วัน เหมาะกับงานที่เร่งด่วน
เช่น คอนกรีตอัดแรง เสาเข็ม พื้นถนนที่จราจรคับคั่ง เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ประเภทนี้ที่มีจำหน่าย
ได้แก่ ตราเอราวัณ สามเพชร TPI(ดำ) และพญานาคแดง
4. ประเภท 4 (Low-heat Portland Cement) เป็นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์
ชนิดพิเศษที่มีอัตราความร้อนต่ำกำลังของคอนกรีตจะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
ซึ่งส่งผลดีทำให้การขยายตัวน้อยช่วยลดการแตกร้าว
เหมาะกับงานสร้างเขื่อนขนาดใหญ่
ปูนซีเมนต์ประเภทนี้ในประเทศไทยยังไม่มีการผลิตจำหน่าย
5. ประเภท 5 (Sulfate-resistant Portland Cement)
เป็นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ที่ทนต่อเกลือซัลเฟตได้สูงเหมาะกับงานก่อสร้างบริเวณดินเค็ม
หรือใกล้กับทะเล ผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ประเภทนี้ที่มีจำหน่าย
ได้แก่ ตราปลาฉลาม TPI(ฟ้า) และตราช้างฟ้า(ปัจจุบันเลิกผลิตแล้ว)
นอกจากปูนซีเมนต์ทั้ง 5 ประเภทแล้ว ยังมีปูนซีเมนต์ที่ผลิตขึ้นมา
โดยดัดแปลงเพื่อให้เหมาะกับงาน และราคาถูกลง
ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไปได้แก่
- ปูนซีเมนต์ผสม(Mixed Cement)
เป็นการนำปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1
ผสมกับทรายหรือหินบดละเอียด ประมาณ 25-30% ซึ่งทำให้ง่ายต่อการใช้งาน
ลดการแตกร้าว เหมาะกับงานก่ออิฐ ฉาบปูน
ผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ประเภทนี้ที่มีจำหน่ายได้แก่
ตราเสือ งูเห่า นกอินทรีย์ TPI(เขียว)
- ปูนซีเมนต์ขาว(White Portland Cement)
เป็นปูนซีเมนต์ที่มีส่วนผสมหลัก
คือ หินปูนและวัตถุดิบอื่นๆที่มีปริมาณของแร่เหล็กน้อยกว่า 1%
ลักษณะของผงสีปูนที่ได้จะเป็นสีขาว
สามารถผสมกับสีฝุ่นเพื่อทำให้เป็นปูนซีเมนต์สีต่างๆ ตามต้องการ
จึงนิยมใช้ในงานตกแต่งต่าง ๆ เพื่อความสวยงาม
ปูนซีเมนต์ประเภทนี้ที่ผลิตในประเทศไทย
ได้แก่ ตราช้างเผือก ตราเสือเผือกและ ตรามังกร
จากการทดสอบเปรียบเทียบหากำลังอัดของปูนซีเมนต์ ทั้ง 5 ประเภท
ในสภาพปัจจัยเดียวกัน ที่อายุคอนกรีต 1 , 7 , 28 และ90 วัน
ตามลำดับโดยกำหนดให้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1 เป็นตัวเปรียบเทียบที่ 100 %
ผลที่ได้ดังตาราง
เปรียบเทียบกำลังอัดของปูนซีเมนต์ ทั้ง 5 ประเภท
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ กำลังอัดเป็นเปอร์เซ็นเมื่อเทียบกับประเภท 1
..........................................................................................................................................
1 วัน 7 วัน 28 วัน 90 วัน
.........................................................................................................................................
ประเภท 1 100 100 100 100
.........................................................................................................................................
ประเภท 2 75 85 90 100
.........................................................................................................................................
ประเภท 3 190 120 110 100
.........................................................................................................................................
ประเภท 4 55 55 75 100
.........................................................................................................................................
ประเภท 5 65 75 85 100
.........................................................................................................................................
For more information
http://www.aboutcement.blogspot.com/
ป้ายกำกับ:
งานช่างปูน
วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554
สำนวนอังกฤษ-ไทย
สุภาษิตภาษาอังกฤษ-สุภาษิตภาษาไทย
รวมสุภาษิต คำคม สำนวนภาษาอังกฤษ
พร้อมความหมายภาษาไทย มากที่สุด
1. An accident is due to lack of proper care. =
อุบัติเหตุมักจะเกิดขึ้นจากการขาดความระมัดระวัง
2. Don’t charge your memory with too many facts =
อย่าใช้สมองจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ให้มากจนเกินไป
3. A mad man is not responsible for his actions. =
คนบ้าไม่ต้องรับผิดชอบในการกระทำของเขา
4. It’s a sad house where the hen crows louder than the cock. =
สามีเป็นช้างเท้าหน้า ภรรยาเป็นช้างเท้าหลัง
5. Marriage is an expensive luxury. =
การแต่งงานเป็นของฟุ่มเฟือยที่แสนแพง
6. Fools build house; wise men buy them. =
คนโง่สร้างบ้านอยู่ คนฉลาดซื้อบ้านสร้างเสร็จอยู่
7. Keep something for a rainy day. = กินน้ำเผื่อแล้ว
8. There is no fool like an old fool. =ไม่มีใครโง่เกินคนแก่โง่
9. Kill not the goose that lays the golden eggs. = โลภมากลาภหาย.
10. Facts are stubborn things. = ความจริงล้างอย่างไรก็ไม่เลือนหาย
11. It is a foolish sheep that makes. The wolf his confessor. =
อย่าชี้โพรงให้กระรอก
12. Brave actiuons never want trumpet. =
การกระทำอันกล้าหาญ ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครรู้
13. Good manners are part and parcel of a good education. =
กิริยามารยาทที่สุภาพเรียบร้อย เป็นส่วนสำคัญจากการได้รับการศึกษาดี
14. A bad workman always blames his tool. = รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง
15. Habituate yourself to hard work. = จงฝึกฝนตัวเองให้เคยชินกับงานหนัก
16. Fine features make fine birds. = ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
17. Man has gregarious habits. = มนุษย์ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นหมู่คณะ
18. Big fish eat little fish. = ปลาใหญ่กินปลาเล็ก
19. Guardianship has many responsibillitie. =
การเป็นผู้ปกครองนั้นต้องมีความรับผิดชอบมาก
20. A friend in need is a friend indeed = เพื่อนแท้คือเพื่อนในยามยาก
21. Birds of a feather flock together = คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
22. Actions speak louder than words = ทำดีกว่าพูด
23. A bird in head is worth two in the bush = สิบเบี้ยใกล้มือ
24. A rolling stone gathers no moss = รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
25. Absence makes the heart grow fonder = ตัวไกลใจอยู่ยิ่งไกลก็ยิ่งรักกัน
26. Make hay while the sun shines = น้ำขึ้นให้รีบตัก
27. He laughs best who laughs last = หัวเราะทีหลังดังกว่า
28. Listeners hear no good of themselves = นินทากาเลเหมือนเทน้ำ
29. It is never too late to mend = ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น
30. Still water runs deep = น้ำนิ่งไหลลึก
31. Good cloths open all doors. = ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
32. Overtly agree but coertly oppose =
ปากว่าตาขยิบ หรือพูดอีกอย่างแต่ทำอีกอย่าง
33. Cry for the Moon =
กระต่ายหมายจันทร์ หมายถึงหนุ่มหมายปองสาวที่มีฐานะดีกว่า
34. Apple of sodom =สวยแต่รูป จูบไม่หอม งามภายนอกแต่ใจแย่ไง
35. When misfortune reaches the limit, good fortune is at hand =
ต้นร้ายปลายดี เริ่มต้นไม่ดีแต่ไปดีเอาตอนหลัง
36. Between the devil and the deep blue sea = หนีเสือปะจรเข้
37. Be caught red-handed = จับได้คาหนังคาเขา
38. To take for a needle in a haystack = งมเข็มในมหาสมุทร
39. To eat one's cake and have it too = จับปลาสองมือ
40. To take something with a pinch of salt =
ฟังหูไว้หู ฟังแล้วคิดพิจารณาก่อนจะเชื่อ
41. As you sow, so you reap = ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
42. Cannot make head or tail of = จับต้นชนปลายไม่ถูก
43. You can not teach old dogs new tricks. =
เราไม่สามารถสอนกลเม็ดใหม่ๆ ให้สุนัขแก่ได้หรือไม้แก่ดัดยากนั่นเอง...
44. Where there is a will, there is a way =
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
45. Look before you leap =
จงดูให้ดีก่อนื้จะกระโดด หมายถึง คิดให้ดี รอบคอบก่อนที่จะทำอะไร
46. Prevention is better than cure = กันไว้ดีกว่าแก้
47. Do as Romans do when you are in Rome =
จงทำตัวให้เหมือนคนโรมันเมื่ออยู่ในกรุงโรมหรือ
เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม
48. Joy and sorrow are as near as today and tomorrow. =
ความสุขกับความทุกข์อยู่ใกล้กันเหมือนวันนี้กับวันพรุ่งนี้
49. He who has never tasted bitterness does not know what is sweet =
ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่นจะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร
50. One who lives in a glasshouse should not throw stones. =
เมื่ออยู่ในเรือนกระจกไม่ควรขว้างก้อนหิน
หมายถึงเมื่ออยู่ในที่ๆ เสีบเปรียบก็อย่าหาเรื่องผู้อื่น
51."Time and tide wait for no man" = เวลาและกระแสน้ำไม่เคยคอยใคร
52. Everyone thinks his own burden the heaviest. =
ทุกคนมักคิดว่าภาระของตนหนักกว่าของผู้อื่นเสมอ
53. No one is too old to learn = ไม่มีใครแก่เกินเรียน
54. Reading makes a full man. = การอ่านหนังสือทำให้เป็นคนที่สมบูรณ์
55. All men naturally desire to know. = มนุษย์ทุกคนย่อมอยากรู้โดยธรรมชาติ
56. Be quick to hear and slow to speak.= ฟังให้เร็ว แต่พูดให้ช้า
57. Live to learn to live. = จงอยู่เพื่อเรียนรู้การดำรงชีวิต
58. Brave actions never want trumpet. =
การกระทำอันกล้าหาญ ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ
59. Words once spoken cannot be altered. =
คำพูดที่กล่าวไปแล้ว ย่อมไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้
60. Though strength fails, boldness is praiseworthy. =
ถึงแม้ว่ากระทำสิ่งใดยังไม่เป็นผลสำเร็จ
แต่การที่ได้กล้าทำนั้นควรได้รับการยกย่อง
61. No one is harmed by thinking. =
การไตร่ตรองยั้งคิด ไม่เคยทำอันตรายใคร
62. Order will render the work facile. =
ความมีระเบียบวินัย เป็นสิ่งที่ทำให้การทำงานราบรื่นขึ้น
63. Every obstacle is surmountable. =
อุปสรรคทุกอย่าง ย่อมผ่านพ้นไปได้เสมอ
64. Health is wealth. = ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
65.What can't be cured must be endured. =
เมื่อสิ่งใดหมดทางที่จะแก้ไขได้แล้ว ก็ต้องยอมรับและทนในสิ่งนั้น
66. Peace begins where ambition ends. =
ความสงบจะเริ่มขึ้น ณ ที่ซึ่งความเห่อเหิม ทะเยอทะยานได้สิ้นสุดลงแล้ว
67. Trial and error is the source of our knowledge. =
เมื่อได้ทดลองทำสิ่งใดๆ แล้วผิดพลาด
นั่นคือข้อมูลแห่งความรู้ของเราเอง
68. Happyness belong to the contented. =
บุคคลจะมีความสุขหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความพอใจ
69.Don't shrink any task because of its arduousness. =
อย่าละทิ้งงานใดๆ เพียงเห็นว่างานนั้นยาก
70.The tongue is like a sharp knife; it kills without drawing blood.=
ลิ้นเหมือนมีดคม สามารถฆ่าได้โดยไม่มีเลือดตก
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.thaigoodview.com/node/100297
รวมสุภาษิต คำคม สำนวนภาษาอังกฤษ
พร้อมความหมายภาษาไทย มากที่สุด
1. An accident is due to lack of proper care. =
อุบัติเหตุมักจะเกิดขึ้นจากการขาดความระมัดระวัง
2. Don’t charge your memory with too many facts =
อย่าใช้สมองจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ให้มากจนเกินไป
3. A mad man is not responsible for his actions. =
คนบ้าไม่ต้องรับผิดชอบในการกระทำของเขา
4. It’s a sad house where the hen crows louder than the cock. =
สามีเป็นช้างเท้าหน้า ภรรยาเป็นช้างเท้าหลัง
5. Marriage is an expensive luxury. =
การแต่งงานเป็นของฟุ่มเฟือยที่แสนแพง
6. Fools build house; wise men buy them. =
คนโง่สร้างบ้านอยู่ คนฉลาดซื้อบ้านสร้างเสร็จอยู่
7. Keep something for a rainy day. = กินน้ำเผื่อแล้ว
8. There is no fool like an old fool. =ไม่มีใครโง่เกินคนแก่โง่
9. Kill not the goose that lays the golden eggs. = โลภมากลาภหาย.
10. Facts are stubborn things. = ความจริงล้างอย่างไรก็ไม่เลือนหาย
11. It is a foolish sheep that makes. The wolf his confessor. =
อย่าชี้โพรงให้กระรอก
12. Brave actiuons never want trumpet. =
การกระทำอันกล้าหาญ ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครรู้
13. Good manners are part and parcel of a good education. =
กิริยามารยาทที่สุภาพเรียบร้อย เป็นส่วนสำคัญจากการได้รับการศึกษาดี
14. A bad workman always blames his tool. = รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง
15. Habituate yourself to hard work. = จงฝึกฝนตัวเองให้เคยชินกับงานหนัก
16. Fine features make fine birds. = ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
17. Man has gregarious habits. = มนุษย์ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นหมู่คณะ
18. Big fish eat little fish. = ปลาใหญ่กินปลาเล็ก
19. Guardianship has many responsibillitie. =
การเป็นผู้ปกครองนั้นต้องมีความรับผิดชอบมาก
20. A friend in need is a friend indeed = เพื่อนแท้คือเพื่อนในยามยาก
21. Birds of a feather flock together = คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
22. Actions speak louder than words = ทำดีกว่าพูด
23. A bird in head is worth two in the bush = สิบเบี้ยใกล้มือ
24. A rolling stone gathers no moss = รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
25. Absence makes the heart grow fonder = ตัวไกลใจอยู่ยิ่งไกลก็ยิ่งรักกัน
26. Make hay while the sun shines = น้ำขึ้นให้รีบตัก
27. He laughs best who laughs last = หัวเราะทีหลังดังกว่า
28. Listeners hear no good of themselves = นินทากาเลเหมือนเทน้ำ
29. It is never too late to mend = ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น
30. Still water runs deep = น้ำนิ่งไหลลึก
31. Good cloths open all doors. = ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
32. Overtly agree but coertly oppose =
ปากว่าตาขยิบ หรือพูดอีกอย่างแต่ทำอีกอย่าง
33. Cry for the Moon =
กระต่ายหมายจันทร์ หมายถึงหนุ่มหมายปองสาวที่มีฐานะดีกว่า
34. Apple of sodom =สวยแต่รูป จูบไม่หอม งามภายนอกแต่ใจแย่ไง
35. When misfortune reaches the limit, good fortune is at hand =
ต้นร้ายปลายดี เริ่มต้นไม่ดีแต่ไปดีเอาตอนหลัง
36. Between the devil and the deep blue sea = หนีเสือปะจรเข้
37. Be caught red-handed = จับได้คาหนังคาเขา
38. To take for a needle in a haystack = งมเข็มในมหาสมุทร
39. To eat one's cake and have it too = จับปลาสองมือ
40. To take something with a pinch of salt =
ฟังหูไว้หู ฟังแล้วคิดพิจารณาก่อนจะเชื่อ
41. As you sow, so you reap = ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
42. Cannot make head or tail of = จับต้นชนปลายไม่ถูก
43. You can not teach old dogs new tricks. =
เราไม่สามารถสอนกลเม็ดใหม่ๆ ให้สุนัขแก่ได้หรือไม้แก่ดัดยากนั่นเอง...
44. Where there is a will, there is a way =
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
45. Look before you leap =
จงดูให้ดีก่อนื้จะกระโดด หมายถึง คิดให้ดี รอบคอบก่อนที่จะทำอะไร
46. Prevention is better than cure = กันไว้ดีกว่าแก้
47. Do as Romans do when you are in Rome =
จงทำตัวให้เหมือนคนโรมันเมื่ออยู่ในกรุงโรมหรือ
เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม
48. Joy and sorrow are as near as today and tomorrow. =
ความสุขกับความทุกข์อยู่ใกล้กันเหมือนวันนี้กับวันพรุ่งนี้
49. He who has never tasted bitterness does not know what is sweet =
ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่นจะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร
50. One who lives in a glasshouse should not throw stones. =
เมื่ออยู่ในเรือนกระจกไม่ควรขว้างก้อนหิน
หมายถึงเมื่ออยู่ในที่ๆ เสีบเปรียบก็อย่าหาเรื่องผู้อื่น
51."Time and tide wait for no man" = เวลาและกระแสน้ำไม่เคยคอยใคร
52. Everyone thinks his own burden the heaviest. =
ทุกคนมักคิดว่าภาระของตนหนักกว่าของผู้อื่นเสมอ
53. No one is too old to learn = ไม่มีใครแก่เกินเรียน
54. Reading makes a full man. = การอ่านหนังสือทำให้เป็นคนที่สมบูรณ์
55. All men naturally desire to know. = มนุษย์ทุกคนย่อมอยากรู้โดยธรรมชาติ
56. Be quick to hear and slow to speak.= ฟังให้เร็ว แต่พูดให้ช้า
57. Live to learn to live. = จงอยู่เพื่อเรียนรู้การดำรงชีวิต
58. Brave actions never want trumpet. =
การกระทำอันกล้าหาญ ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ
59. Words once spoken cannot be altered. =
คำพูดที่กล่าวไปแล้ว ย่อมไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้
60. Though strength fails, boldness is praiseworthy. =
ถึงแม้ว่ากระทำสิ่งใดยังไม่เป็นผลสำเร็จ
แต่การที่ได้กล้าทำนั้นควรได้รับการยกย่อง
61. No one is harmed by thinking. =
การไตร่ตรองยั้งคิด ไม่เคยทำอันตรายใคร
62. Order will render the work facile. =
ความมีระเบียบวินัย เป็นสิ่งที่ทำให้การทำงานราบรื่นขึ้น
63. Every obstacle is surmountable. =
อุปสรรคทุกอย่าง ย่อมผ่านพ้นไปได้เสมอ
64. Health is wealth. = ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
65.What can't be cured must be endured. =
เมื่อสิ่งใดหมดทางที่จะแก้ไขได้แล้ว ก็ต้องยอมรับและทนในสิ่งนั้น
66. Peace begins where ambition ends. =
ความสงบจะเริ่มขึ้น ณ ที่ซึ่งความเห่อเหิม ทะเยอทะยานได้สิ้นสุดลงแล้ว
67. Trial and error is the source of our knowledge. =
เมื่อได้ทดลองทำสิ่งใดๆ แล้วผิดพลาด
นั่นคือข้อมูลแห่งความรู้ของเราเอง
68. Happyness belong to the contented. =
บุคคลจะมีความสุขหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความพอใจ
69.Don't shrink any task because of its arduousness. =
อย่าละทิ้งงานใดๆ เพียงเห็นว่างานนั้นยาก
70.The tongue is like a sharp knife; it kills without drawing blood.=
ลิ้นเหมือนมีดคม สามารถฆ่าได้โดยไม่มีเลือดตก
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.thaigoodview.com/node/100297
ป้ายกำกับ:
สำนวนภาษา
การเข้าไม้แบบ
การเข้าไม้ สำหรับงานก่อสร้างนั้นได้แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
1. สำหรับงานโครงสร้าง การเข้าไม้ที่ประกอบขึ้นเพื่อเป็นโครงรับน้ำหนัก
หรือการยึดเหนี่ยวของโครงสร้างนั้นๆ เช่น โครงบ้าน, โครงหลังคา เป็นต้น
ซึ่งโครงสร้างดังกล่าวจะต้องสามารถรับแรงแบกทานและแรงอย่างอื่นได้ดี
ชนิดของรอยต่อที่พบบ่อยๆสำหรับงานโครงสร้าง
เช่น การเข้าชน, การเข้าบาก, การเข้าเดือย และการเข้าฝัง
รูปที่ 1.1. แสดงการเข้าไม้แบบการเข้าชนฉาก
รูปที่ 1.2. แสดงการเข้าไม้แบบการเข้าชนเฉ ( 45 องศา ) หรือ การเข้าปากกบ
รูปที่ 1.3. แสดงการเข้าไม้แบบการเข้าบากตรง
รูปที่ 1.4. แสดงการเข้าไม้แบบการเข้าบากหางเหยี่ยว
รูปที่ 1.5. แสดงการเข้าไม้แบบการเข้าฝังเดือยเดี่ยว
2. สำหรับงานปราณีต ส่วนมากใช้สำหรับการยึดส่วนประกอบต่างๆ
เข้าด้วยกันให้เป็นรูปร่างขึ้น ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดของงานประเภทนี้คือ การเข้าปากไม้
รูปที่ 2.1. แสดงการเข้าไม้แบบการเข้าบ่า
รูปที่ 2.2. แสดงการเข้าไม้แบบการเข้าลิ้น
รูปที่ 2.3. แสดงการเข้าไม้แบบการเข้าชนเฉ ( 45 องศา ) หรือ การเข้าปากกบ
รูปที่ 2.4. แสดงการเข้าไม้แบบการเข้าบากหางเหยี่ยว
Creating by Katanyou Chanachai
For more information :
* www.oknation.net/blog/sakce/2011/08/17/entry-1
* http://ช่างไม้.net/
* http://www.kimseng99.com/
1. สำหรับงานโครงสร้าง การเข้าไม้ที่ประกอบขึ้นเพื่อเป็นโครงรับน้ำหนัก
หรือการยึดเหนี่ยวของโครงสร้างนั้นๆ เช่น โครงบ้าน, โครงหลังคา เป็นต้น
ซึ่งโครงสร้างดังกล่าวจะต้องสามารถรับแรงแบกทานและแรงอย่างอื่นได้ดี
ชนิดของรอยต่อที่พบบ่อยๆสำหรับงานโครงสร้าง
เช่น การเข้าชน, การเข้าบาก, การเข้าเดือย และการเข้าฝัง
รูปที่ 1.1. แสดงการเข้าไม้แบบการเข้าชนฉาก
รูปที่ 1.2. แสดงการเข้าไม้แบบการเข้าชนเฉ ( 45 องศา ) หรือ การเข้าปากกบ
รูปที่ 1.3. แสดงการเข้าไม้แบบการเข้าบากตรง
รูปที่ 1.4. แสดงการเข้าไม้แบบการเข้าบากหางเหยี่ยว
รูปที่ 1.5. แสดงการเข้าไม้แบบการเข้าฝังเดือยเดี่ยว
2. สำหรับงานปราณีต ส่วนมากใช้สำหรับการยึดส่วนประกอบต่างๆ
เข้าด้วยกันให้เป็นรูปร่างขึ้น ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดของงานประเภทนี้คือ การเข้าปากไม้
รูปที่ 2.1. แสดงการเข้าไม้แบบการเข้าบ่า
รูปที่ 2.2. แสดงการเข้าไม้แบบการเข้าลิ้น
รูปที่ 2.3. แสดงการเข้าไม้แบบการเข้าชนเฉ ( 45 องศา ) หรือ การเข้าปากกบ
รูปที่ 2.4. แสดงการเข้าไม้แบบการเข้าบากหางเหยี่ยว
Creating by Katanyou Chanachai
For more information :
* www.oknation.net/blog/sakce/2011/08/17/entry-1
* http://ช่างไม้.net/
* http://www.kimseng99.com/
ป้ายกำกับ:
ไม้แบบ
วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554
แนวกินบ้านเฮา
ทุกเทื่อที่เฮาลงทง สิได้อีหยังแน่ มีอีหยังแน่ในทงนา บ้านข่อย เดียวสิเว้าให้ฟัง บ่วาสิเป็น แมงแคง,แมงดา,แมงขี้ซีก(จิงโจ้น้ำ),แมงกะโซ่,แมงกะโซ่+แมงก้องแขน+ฮวก,แมงก้องแขน,จิหลีด,เบ้า,ไข่มดแดง,เขียดอีโม่,เขียดตะปาด,แมงเงา,แมงจินูน,จิหร่อ(จิโปม),อีกะปูนา,จิหรีดขาว,จิเตา,กุดจี่ขี้ควย,แมงระงำ,แมงจิซอน,กุ้ง,ตั๊กแตน,แมงคับ,นกเจา(นกกระยาง),นกเอี้ยงมาคู่กับควย,นกขุ่ม(เดี๋ยวเด้อใส่แห้วอยู่),บักหอยจูบ,เขียดทราย,เอียน,หอยเซอรี่,เขียดบักขิก,หอยปัง,งูปลา ซันดอกหวา
แมงแคง
แมงดานา
แมงขี้ซีก(จิงโจ้น้ำ)
แมงกะโซ่
แมงกะโซ่ + แมงก้องแขน + ฮวก
แมงก้องแขน
จิหลีด
เบ้า
ไข่มดแดง
เขียดอีโม่
เขียดตะปาด
แมงเงา
แมงจินูน
จิหร่อ (จิโปม)
อีกะปูนา
จิหรีดขาว
จิเตา
กุดจี่ขี้ควาย
แมงระงำ
แมงจิซอน
กุ้ง
ตั๊กแตน
แมงคับ
นกเจา (นกกระยาง)
นกเอี้ยง มาคู่กับ ควย
นกขุ่ม (เดี๋ยวเด้อใส่แห้วอยู่)
บักหอยจูบ
เขียดทราย
เอียน
หอยเซอรี่
เขียดบักขิก
หอยปัง
งูปลา
(ขอขอบคุณ http://nonsawan.wordpress.com/ )
แมงแคง
แมงดานา
แมงขี้ซีก(จิงโจ้น้ำ)
แมงกะโซ่
แมงกะโซ่ + แมงก้องแขน + ฮวก
แมงก้องแขน
จิหลีด
เบ้า
ไข่มดแดง
เขียดอีโม่
เขียดตะปาด
แมงเงา
แมงจินูน
จิหร่อ (จิโปม)
อีกะปูนา
จิหรีดขาว
จิเตา
กุดจี่ขี้ควาย
แมงระงำ
แมงจิซอน
กุ้ง
ตั๊กแตน
แมงคับ
นกเจา (นกกระยาง)
นกเอี้ยง มาคู่กับ ควย
นกขุ่ม (เดี๋ยวเด้อใส่แห้วอยู่)
บักหอยจูบ
เขียดทราย
เอียน
หอยเซอรี่
เขียดบักขิก
หอยปัง
งูปลา
(ขอขอบคุณ http://nonsawan.wordpress.com/ )
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)